ยอดสินเชื่อเครดิตหดตัว เศรษฐกิจชะลอ สวนทางหนี้ค้างชำระขยับเพิ่ม 36% พบยอดปฎิเสธพุ่ง 30-40%
เศรษฐกิจที่ยังเผชิญกับความไม่แน่นอน ทำให้ภาครัฐและเอกชนประสานความร่วมมือ เพื่อดูแลความสามารถในการชำระหนี้ในระบบสินเชื่อ เพื่อไม่ให้กลายเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) เห็นได้จากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ทยอยออกมาตรการต่อเนื่องทั้งนี้เมื่อพิจารณายอดคงค้างสินเชื่อบัตรเครดิตอยู่ที่ 3.93 แสนล้านบาท ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2563 ปรับลดลงกว่า 2,575 ล้านบาทหรือคิดเป็น 0.65% จากช่วงเดียวกันปีก่อนอยู่ที่ 3.96 แสนล้านบาท ขณะที่สินเชื่อส่วนบุคคลมียอดคงค้างรวม 5.64 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 25,715 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 4.77% ของช่วงเดียวกันปีก่อนอยู่ที่ 5.38 แสนล้านบาท
ภาพจาก pixabay |
ส่วนสินเชื่อส่วนบุคคลแนวโน้ม น่าจะเติบโตลดลงมากกว่าบัตรเครดิต ส่วนหนึ่งเพราะลูกค้าระมัดระวังและมีความกังวลในการก่อหนี้ เห็นได้จากว่า แม้ลูกค้าจะมีวงเงินกดเงินสดคงเหลือในบัตร แต่ก็ไม่กดเงินสดออกมาใช้จ่าย
อีกส่วนอาจมาจากการปรับรายได้ต่อเดือนจากเดิม 10,000 บาทเป็น 12,000 บาท ทำให้การเข้าถึงบริการลดลง และการพิจารณาอนุมัติวงเงินใหม่ ในช่วงที่ผ่านมา มียอดปฏิเสธประมาณ 30-40%
“เราพยายามประคองลูกหนี้รายที่มีปัญหา เพื่อให้เขารักษาเครดิตได้ ขณะเดียวกันก็จัดโปรออกมาดึงยอดใช้จ่ายในกลุ่มที่มีกำลังซื้อ ซึ่งส่วนใหญ่เลือกชำระเต็ม ส่วนในรายที่เริ่มไม่แน่ใจรายได้ เขาจะเลือกเข้ามาตรการช่วยเหลือทั้งจากธปท. และบริษัทจัดออกมา”
อย่างไรก็ตาม ด้วยสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวตั้งแต่ต้นปี ทำให้บริษัทต้องปรับแผนธุรกิจให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจควบคู่กัน เพื่อเดินเกมทำธุรกิจให้สามารถเดินไปข้างหน้า เช่น ปรับลดค่าใช้จ่ายด้านการตลาด รวมถึงพิจารณาปรับลดค่าติดตามทวงถามและช่วยเหลือลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าสามารถอยู่รอด เพราะหากสถานการณ์ดีขึ้นเชื่อว่า บริษัทจะมีลูกค้าให้ความวางใจเลือกใช้บริการอยู่กับบริษัทในระยะยาว
เศรษฐกิจชะลอ ยอดปฏิเสธบัตรเครดิตพุ่งสวนทางหนี้ค้างชำระ
เศรษฐกิจไทย และเศรษฐกิจทั่วโลก บทวิเคราะห์เศรษฐกิจ เจาะตลาดการวางแผนเศรษฐกิจ เศรษฐกิจการเงิน เศรษฐกิจการลงทุน ติดตามข่าวเศรษฐกิจด่วน กระแสข่าวเศรษฐกิจ ที่ได้รับความสนใจ ได้ที่ doodido
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น